Sunday, November 19, 2017

กีฬาโอลิมปิก:Olympic Games


กีฬาโอลิมปิก (อังกฤษOlympic Gamesฝรั่งเศสles Jeux olympiques, JO) หรือโอลิมปิกส์ (อังกฤษOlympics) สมัยใหม่ เป็นการแข่งขันระหว่างประเทศที่สำคัญ ทั้งกีฬาฤดูร้อนและฤดูหนาว โดยมีนักกีฬาหลายพันคนเข้าร่วมการแข่งขันหลายชนิดกีฬา


กีฬาโอลิมปิก
ภาพห่วงห้าวง ซึ่งถูกออกแบบใน พ.ศ. 2456 เริ่มใช้ในปี พ.ศ. 2457 และออกแสดงครั้งแรก ในการแข่งขันที่แอนต์เวิร์ปเมื่อ พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920)
การจัดระเบียบ
กฎบัตรโอลิมปิก ● คณะกรรมการโอลิมปิกสากล ● คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ ● กีฬา
การแข่งขัน
โอลิมปิกฤดูร้อน ● โอลิมปิกฤดูหนาว
กีฬาพาราลิมปิก
กีฬาโอลิมปิกเยาวชน
โอลิมปิกสมัยโบราณ


 กีฬาโอลิมปิกถูกมองว่าเป็นการแข่งขันกีฬาที่สำคัญที่สุดของโลก โดยมีประเทศเข้าร่วมกว่า 200 ประเทศ ปัจจุบัน กีฬาโอลิมปิกจัดขึ้นทุกสองปี ผลัดกันระหว่างโอลิมปิกฤดูร้อนกับโอลิมปิกฤดูหนาว หมายความว่า โอลิมปิกฤดูร้อนและโอลิมปิกฤดูหนาวจะจัดห่างกันสี่ปี การสร้างสรรค์กีฬาโอลิมปิกได้รับแรงบันดาลใจจากกีฬาโอลิมปิกโบราณ ซึ่งจัดขึ้นในโอลิมเปีย กรีซ จากศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 4 บารอน ปีแยร์ เดอ กูแบร์แต็ง ก่อตั้งคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ใน พ.ศ. 2437 นับแต่นั้น ไอโอซีกลายเป็นองค์การดูแลกระบวนการโอลิมปิก (Olympic Movement) โดยมีกฎบัตรโอลิมปิกนิยามโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ



วิวัฒนาการของกระบวนการโอลิมปิกระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 20 และ 21 ได้ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อกีฬาโอลิมปิกหลายประการ การปรับแก้บางอย่างรวมไปถึง การริเริ่มโอลิมปิกฤดูหนาวเพื่อแข่งขันกีฬาน้ำแข็งและฤดูหนาว กีฬาพาราลิมปิกเพื่อนักกีฬาที่มีความพิการทางร่างกาย และกีฬาโอลิมปิกเยาวชนเพื่อนักกีฬาวัยรุ่น ไอโอซีได้ปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมืองและเทคโนโลยีแห่งศตวรรษที่ 20 ตามความจริง ผลคือ กีฬาโอลิมปิกได้ขยับจากลักษณะมือสมัครเล่นบริสุทธิ์ (pure amateurism) ตามแนวคิดของกูแบร์แต็ง เพื่อให้นักกีฬาอาชีพร่วมการแข่งขันได้ ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของสื่อมวลชนได้ก่อให้เกิดปัญหาการอุปถัมภ์โดยบริษัทและการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์จากกีฬาโอลิมปิก สงครามโลกนำไปสู่การยกเลิกโอลิมปิกเมื่อ พ.ศ. 2459, 2483 และ 2487 มีการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ระหว่างสงครามเย็น ซึ่งจำกัดการเข้าร่วมในโอลิมปิกเมื่อ พ.ศ. 2523 และ 2527


กระบวนการโอลิมปิกประกอบด้วยสหพันธ์กีฬาระหว่างประเทศ คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ และคณะกรรมการจัดการแข่งขันของกีฬาโอลิมปิกแต่ละครั้ง เมืองเจ้าภาพเป็นผู้รับผิดชอบการจัดการแข่งขันและการจัดหาเงินทุนเพื่อสมโภช (celebrate) กีฬาตามกฎบัตรโอลิมปิก โปรแกรมโอลิมปิก ซึ่งประกอบด้วยกีฬาที่จะมีการแข่งขันในโอลิมปิก ถูกกำหนดโดยไอโอซีเช่นกัน การสมโภชกีฬาโอลิมปิกหมายรวมพิธีการและสัญลักษณ์จำนวนมาก อาทิ ธงและคบเพลิงโอลิมปิก ตลอดจนพิธีเปิดและปิด มีนักกีฬากว่า 13,000 คนเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนและฤดูหนาวใน 33 ชนิดกีฬา เกือบ 400 รายการ ผู้ที่ชนะเลิศเป็นอันดับหนึ่ง สองและสามในแต่ละรายการจะได้รับเหรียญโอลิมปิก ทอง เงินและทองแดง ตามลำดับ


    กีฬาโอลิมปิกโบราณ



    กีฬาโอลิมปิกโบราณ (Ancient Olympic Games) เป็นเทศกาลทางศาสนาและกรีฑาซึ่งจัดขึ้นทุกสี่ปี ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งซุสในโอลิมเปีย กรีซ โดยนครรัฐและราชอาณาจักรกรีซโบราณได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมแข่งขัน โอลิมปิกโบราณนี้เน้นกรีฑาเป็นหลัก แต่ก็มีการแข่งขันต่อสู้และรถม้าด้วย ระหว่างการแข่งขัน ความขัดแย้งระหว่างนครรัฐที่เข้าร่วมทั้งหมดจะถูกเลื่อนไปจนกว่าการแข่งขันจะเสร็จสิ้น
     จุดกำเนิดของกีฬาโอลิมปิกเหล่านี้ยังเป็นปริศนาและตำนาน เรื่องปรัมปราหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดชี้ว่า เฮราคลีสและซุสผู้เป็นบิดาเป็นแบบฉบับของกีฬาดังกล่าว ตามตำนาน เฮราคลีสเป็นผู้แรกที่เรียกกีฬานี้ว่า "โอลิมปิก" และตั้งธรรมเนียมจัดการแข่งขันขึ้นทุกสี่ปี ตำนานยืนยันว่า หลังจากที่เฮราคลีสสำเร็จภารกิจสิบสองประการ (twelve labors) แล้ว เขาได้ทรงสนามกีฬาโอลิมปิกเพื่อถวายเกียรติแด่ซุส

    หลังการแข่งขันนี้ เขาเดินเป็นเส้นตรงระยะ 200 ก้าว และเรียกระยะทางนี้ว่า "stadion" (กรีกστάδιονละตินSTADIUM, "เวที") ซึ่งภายหลังชาวกรีกยังใช้เป็นหน่วยวัดระยะทางด้วย เรื่องปรัมปราอีกเรื่องหนึ่งเชื่อมโยงกีฬาโอลิมปิกครั้งแรกกับมโนทัศน์การพักรบโอลิมปิก (กรีกἐκεχειρία, ekecheiriaอังกฤษOlympic truce) ของกรีซ วันก่อตั้งกีฬาโอลิมปิกโบราณที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด คือ 776 ปีก่อนคริสตกาล ตามรอยจารึกซึ่งพบที่โอลิมเปีย และมีการระบุรายชื่อผู้ชนะการวิ่งซึ่งจัดขึ้นทุกสี่ปีเริ่มตั้งแต่ 776 ปีก่อน ค.ศ. กีฬาโอลิมปิกโบราณมีรายการแข่งขันวิ่ง ปัญจกีฬา (ประกอบด้วยการกระโดด ขว้างจักร พุ่งแหลน วิ่ง และมวยปล้ำ) ชกมวย มวยปล้ำ ศิลปะป้องกันตัวแพนแครชัน (pankration) และขี่ม้า ความเชื่อมีอยู่ว่า คอโรเอบัส (Coroebus) พ่อครัวจากนครเอลลิส (Elis) เป็นผู้ชนะโอลิมปิกคนแรก

    กีฬาโอลิมปิกมีความสำคัญทางศาสนาเป็นหลัก โดยมีการแข่งขันกีฬาร่วมกับพิธีกรรมบูชายัญเพื่อถวายเกียรติแด่ทั้งซุส (ซึ่งมีเทวรูปอันมีชื่อเสียงโดย ฟิเดียส ในเทวสถานของพระองค์ที่โอลิมเปีย) และฟีลอปส์ เทพวีรบุรุษและพระมหากษัตริย์ตามตำนานของโอลิมเปีย ฟีลอปส์มีชื่อเสียงในการแข่งรถม้ากับพระเจ้าอีโนมาอัส (Oenomaus) แห่งปีซาทิส (Pisatis) ผู้ชนะจากการแข่งขันดังกล่าได้รับการยกย่องและมีอนุสรณ์ในบทกวีและรูปปั้น กีฬาโอลิมปิกจัดขึ้นทุกสี่ปี ซึ่งคาบนี้เรียกว่า Olympiad ซึ่งชาวกรีกใช้เป็นหน่วยในการวัดเวลาอย่างหนึ่ง กีฬาโอลิมปิกเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรที่เรียกว่า กีฬาแพนเฮลลินนิค (Panhellenic Games) ซึ่งมีกีฬาไพเธียน กีฬานีเมียน และกีฬาอิสท์เมียน
    กีฬาโอลิมปิกรุ่งเรืองถึงขีดสุดในศตวรรษที่ 6 และ 5 ก่อนคริสตกาล แต่จากนั้น ค่อย ๆ เสื่อมความสำคัญลง เมื่อชาวโรมันมีอำนาจและอิทธิพลในกรีซ ขณะที่ยังไม่มีการเห็นพ้องต้องกันในทางวิชาการว่ากีฬาโอลิมปิกโบราณสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเมื่อใด ส่วนใหญ่มักถือ ค.ศ. 393 เมื่อจักรพรรดิธีโอโดเซียสที่ 1 ทรงประกาศให้ลัทธิและการปฏิบัติตามหลักเพเกินถูกกำจัดไป ส่วนการอ้างอีกอย่างหนึ่ง คือ ใน ค.ศ. 426 เมื่อผู้สืบราชบัลลังก์ จักรพรรดิธีโอโดเซียสที่ 2 มีพระบรมราชโองการทำลายเทวสถานกรีกทั้งหมด

    โอลิมปิกสมัยใหม่



    บารอน ปิแอร์เดอ ดูเบอร์แตง ต้องการให้การพลศึกษา และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดีขึ้น สิ่งเหล่านี้รวบรวมอยู่ในกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่

    การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ครั้งแรกถูกจัดขึ้นในสนามหินอ่อนในกรุงเอเธนส์กรีซ
    หลังจากโอลิมปิกโบราณได้ล้มเลิกไปเป็นเวลาถึง 15 ศตวรรษ โอลิมปิกยุคใหม่ก็เกิดขึ้น โดยมีนักกีฬาคนสำคัญของฝรั่งเศสชื่อ ปิแอร์ เดอ ดูเบอร์แตง ท่านขุนนางผู้นี้เกิดในกรุงปารีส เมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2406 (ค.ศ. 1863) สนใจประวัติศาสตร์ ปัญหาการเมืองและสังคม ในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) ท่านอายุได้ 26 ปี
    ได้เกิดความคิดที่จะฟื้นฟูการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งได้ล้มเลิกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 936 (ค.ศ. 393) โดยติดต่อกับบุคคลสำคัญของประเทศอังกฤษสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส เป็นเวลาถึง 4 ปี ในที่สุดได้เปิดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการขึ้น ที่ตำบลซอร์บอนน์ ในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 (ค.ศ. 1892) และประกาศ ณ ที่นั้นว่า การแข่งขันโอลิมปิกซึ่งได้หยุดมานานกว่า 15 ศตวรรษ จักได้พื้นขึ้นใหม่เป็นการปัจจุบัน และแผนการของงานโอลิมปิกปัจจุบันนั้น ได้เป็นที่ตกลงกันในที่ประชุมจำนวน 15 ประเทศ ณ ตำบลซอร์บอนน์ ประเทศฝรั่งเศส

    คณะกรรมการผู้ริเริ่ม ได้ลงมติว่า ให้ทำการเปิดการแข่งขันโอลิมปิกปัจจุบันขึ้น โดยกำหนด 4 ปีต่อ 1 ครั้ง โดยให้ประเทศสมาชิกหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ แต่การเปิดแข่งขันครั้งแรกให้เริ่ม ณ กรุงเอเธนส์ ใน พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896) เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการกำเนิดกีฬาโอลิมปิกเมื่อครั้งโบราณ จากนั้นเป็นต้นมา การแข่งขันและวิธีเล่นกรีฑาก็พัฒนาไปอย่างกว้างขวาง และการแข่งขันทุก ๆ ครั้ง ให้ถือเอากรีฑาเป็นกีฬาหลัก ซึ่งจะขาดเสียมิได้ในการแข่งขันแต่ละครั้ง

    เจ้าภาพ


    การกำหนดว่าประเทศใดจะได้เป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไปนั้น กระทำขึ้น ณ สถานที่ที่การแข่งขันครั้งล่าสุดดำเนินอยู่นั้นเอง คณะกรรมการโอลิมปิกสากลจะพิจารณาบรรดาประเทศสมาชิกที่เสนอขอจัด และมีอำนาจเด็ดขาดที่จะลงมติให้ประเทศใดเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการ ในวันพิธีเปิดการแข่งขันครั้งล่าสุดนั้น ประเทศที่ได้รับพิจารณาให้เป็นเจ้าภาพ ถือได้ว่าเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับความไว้วางใจ อันก่อให้เกิดความภาคภูมิใจต่อประชาชนทั้งประเทศ

    สมาชิก


    ในปัจจุบัน ประเทศทั่วโลกเป็นสมาชิกโอลิมปิก 197 ประเทศ แต่บางประเทศไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน เพราะเป็นประเทศเล็ก ขาดความพร้อมในเรื่องตัวนักกีฬา บารอน ปิแอร์เดอ ดูเบอร์แตง ได้ให้นิยามการเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกว่า ผู้เข้าร่วมการแข่งขันนั้นไม่เลือกผิวพรรณ ศาสนา ลัทธิการปกครอง แต่อย่างใด ความหมายการแข่งขันเพื่อให้นักกีฬาชาติต่าง ๆ ได้มาร่วมชุมนุมกัน ตัวนักกีฬาเปรียบเสมือนทูตสันถวไมตรีส่งมาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ ร่วมเล่นสนุกสนานด้วยความเห็นอกเห็นใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตลอดทั้งสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน อันนำมาซึ่งความสามัคคีและเพื่อสันติภาพของโลก การแพ้หรือชนะไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การเข้าร่วม”

    รางวัล


    รางวัลของการแข่งขันในสมัยโบราณผู้ที่ชนะจะได้รับการสรรเสริญมาก รางวัลที่ให้แก่ผู้ชนะในสมัยนั้น คือ กิ่งไม้มะกอกซึ่งตัดมาจากยอดเขาโอลิมปัส อันเป็นที่สิงสถิตของซุส แล้วทำเป็นวงคล้ายมงกุฎ จักรพรรดิจะเป็นผู้พระราชทานครอบลงบนศีรษะของผู้ชนะนั้น ๆ พร้อมทั้งได้สร้างอนุสาวรีย์ไว้ให้ชนรุ่นหลังศึกษาและชื่นชมต่อไป
    สำหรับการแข่งขันโอลิมปิกสมัยปัจจุบันแบ่งรางวัลเป็นสามระดับ คือ เหรียญทอง, เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง ให้แก่ผู้ชนะเลิศ, ผู้ชนะเลิศที่สอง และที่สามตามลำดับ ส่วนอันดับที่สี่ไปถึงอันดับที่หก จะได้ประกาศนียบัตรการเข้าร่วมการแข่งขัน

    คบเพลิงโอลิมปิก



    ก่อนกีฬาโอลิมปิกหลายเดือน จะมีผู้วิ่งถือคบเพลิงโอลิมปิกจากเขาโอลิมเปียมาสู่พิธีเปิด
    โคมไฟโอลิมปิก เมื่อมีการแข่งขันโอลิมปิกจะมีการจุดไฟกองใหญ่ขึ้นบนยอดเขาโอลิมปัส เพื่อให้ความสว่างไสว และเพื่อเป็นสัญญาณประกาศให้คนทั่วไปได้ทราบว่า การเฉลิมฉลองได้เริ่มขึ้นแล้ว พิธีการจุดไฟนั้น เริ่มแรกทำบนยอดเขาโอลิมปัส โดยใช้แว่นรวมแสงอาทิตย์ไปยังเชื้อเพลิง เมื่อติดไฟแล้ว จึงนำตะเกียงต่อเอาไว้ ไฟกองใหญ่จะคงลุกโชติช่วงต่อไปจนตลอดงานฉลอง ส่วนตะเกียงนั้นจะมีการวิ่งถือไปทั่วทุกนครรัฐ ด้วยการส่งต่อกันไปเป็นทอด ๆ จากนักวิ่ง คนละ 2 ไมล์ หากผ่านทะเลหรือแม่น้ำก็จะลงเรือข้ามฟากโดยไฟไม่ดับ ไฟนี้ชาวกรีก ถือว่าเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ และความสงบสุขของชาวกรีก ซึ่งพระเจ้าจะทรงพระพิโรธต่อบุคคลที่ไม่สนใจในกิจการนี้
    โอลิมปิกในปัจจุบัน ยังคงรักษาประเพณีเรื่องการจุดไฟไว้ดังเดิมทุกประการ กล่าวคือ ก่อนจะมีการแข่งขันจะมีพิธีจุดไฟ ณ เขาโอลิมปัส ผู้จุดคือ สาวพรหมจารีย์ผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้ต่อไฟจากแว่นรวมแสงของดวงอาทิตย์ด้วยคบเพลิง และไฟนี้จะถูกแจกจ่ายไปยังประเทศสมาชิกทั่วโลก และข้ามน้ำข้ามทะเลไปสู่ประเทศเจ้าภาพ และมีการวิ่งถือคบเพลิงส่งต่อกันไปจุดที่กระถางใหญ่บริเวณงานในวันแรกของพิธีเปิดการแข่งขัน ไฟจะต้องไม่ดับตั้งแต่เริ่มจุด ณ ภูเขาโอลิมปัส จนกว่าจะสิ้นสุดการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนั้น ๆ

    สัญลักษณ์โอลิมปิก



    ธงโอลิมปิก
    ธงโอลิมปิกมีผืนธงเป็นสีขาว ขนาดมาตรฐานยาว 3 เมตร กว้าง 2 เมตร ส่วนเครื่องหมายห้าห่วงคล้องกันอยู่บนกลางธง ขนาด 2 เมตร คูณ 0.60 เมตร มีสีฟ้า สีเหลือง สีดำ สีเขียว สีแดง ตามลำดับจากซ้ายไปขวา คล้องไขว้กันอยู่ตรงกลางสองแถว แถวบน 3 ห่วง แถวล่าง 2 ห่วง ห่วงสีที่คล้องกันอยู่ตรงกลางธงบนพื้นธงสีขาว รวมเป็น 6 สี โดยแท้จริงแล้ว ห้าห่วงหมายถึง ห้าส่วนของโลกที่อยู่ในโอบอ้อมของ “โอลิมปิกนิยม” มิเจาะจงเป็นห้าทวีปในโลกอย่างที่เข้าใจกัน แต่บังเอิญห้าทวีปนี้ก็เป็นห้าส่วนของโลกก็เลยอนุโลมกันไปเช่นนั้น ส่วนสีที่ห่วง 5 สี มิได้หมายถึงสีประจำทวีป ซึ่งสีทั้งหมด 6 สี รวมทั้งสีขาวที่เป็นพื้นธง หมายความว่า ธงชาติของประเทศต่าง ๆ ในโลกประกอบด้วยสีใดสีหนึ่งหรือมากกว่านั้นในจำนวนหกสีนั้น และไม่มีธงชาติของประเทศใดที่มีสีนอกเหนือไปจากหกสีนี้
    ด้านล่างของห่วงมีคำอยู่ 3 คำ ซึ่งเป็นภาษาโรมัน แต่ละคำมีความหมายดังต่อไปนี้
    Citius (swifter) : ความเร็ว ผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องวิ่งให้เร็วที่สุด
    Altius (higher) : ความสูง ผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องทำให้สูงที่สุด
    Fortius (stronger) : ความแข็งแรง ผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องมีความแข็งแกร่งที่สุด

    สนามกีฬาโอลิมปิก

    พิธีปิด
    ในพิธีปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก จะมีการแข่งขันกีฬาประเภทสุดท้าย ซึ่งจะแข่งขันในสนามกีฬาหลัก โดยมากมักจะเป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของกีฬาฟุตบอล เมื่อการแข่งขันกีฬาประเภทสุดท้ายเสร็จสิ้น ขบวนนักกีฬาจากประเทศต่างๆ จะเดินเข้าสนามเพื่อเข้าร่วมพิธีปิด โดยประธานในพิธีกล่าวปิด แล้วไฟในกระถางคบเพลิงก็จะเริ่มดับลง บนป้ายบอกคะแนนจะมีตัวอักษรขึ้นว่า "จนกว่าเราจะพบกันใหม่ ณ เมือง..." (สถานที่ที่จะมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งต่อไปอีก 4 ปีข้างหน้า) สุดท้ายจึงร่วมร้องสามัคคีชุมนุมเป็นอันเสร็จสิ้น

    กระบวนการโอลิมปิก


    กระบวนการโอลิมปิก (อังกฤษOlympic Movement) เป็นการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ณ ที่ใดที่หนึ่งของโลกทุก 4 ปี เป็นลำดับไป โดยไม่ขาดตอนหรือหยุดยั้งอยู่ที่ใดที่หนึ่ง หรือล้มเลิกไปเหมือนอย่างในอดีตกาล รวมเข้าไปด้วย องค์กรต่างๆ นักกีฬา และ บุคคลที่เห็นด้วยกับแนวทางของกฎบัตรโอลิมปิก
    กระบวนการโอลิมปิก ประกอบไปด้วยผู้ที่เห็นด้วยกับแนวทางของกฎบัตรโอลิมปิก และผู้ที่รับรองอำนาจของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (อังกฤษInternational Olympic Committee หรือ IOC) รวมไปถึง สหพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษInternational Federations หรือ IF) ของกีฬาที่มีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก, คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ(อังกฤษNational Olympic Committees หรือ NOCs), คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (อังกฤษOrganising Committees of the Olympic Games หรือ OCOGs) นักกีฬา กรรมการผู้ตัดสิน และผู้ตัดสิน สมาคม ชมรม รวมไปถึงองค์กรและสถาบันที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล

    กีฬาโอลิมปิกกับประเทศไทย

    ประเทศไทยส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งแรก ในการแข่งขันครั้งที่ 15 ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม -- 3 สิงหาคม ค.ศ. 1952 (พ.ศ. 2495) และได้เข้าร่วมแข่งขันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ยกเว้น การแข่งขันครั้งที่ 22 ณ กรุงมอสโก สหภาพโซเวียต (ประเทศรัสเซียในปัจจุบัน) เมื่อปี ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) เพราะปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ที่ไทยผูกพันกับสหรัฐอเมริกา จึงร่วมกันคว่ำบาตร (Boycott) สหภาพโซเวียต ชาติมหาอำนาจของค่ายคอมมิวนิสต์ ทำให้กองทัพนักกีฬาไทยงดเว้นไม่เข้าร่วมแข่งขันในครั้งนั้น

    สถานที่จัดการแข่งขันโอลิมปิกในยุคปัจจุบัน

    โอลิมปิกเกมส์
    Olympic Games
    Olympic rings with transparent rims.svg
    ตราวงแหวนโอลิมปิก
    ชื่อย่อOlympiad
    คำขวัญCitius, Altius, Fortius
    เร็วขึ้น, สูงขึ้น, แกร่งขึ้น
    ก่อตั้งโอลิมปิก: ฤดูร้อนครั้งที่ 1
    พ.ศ. 2439 ประเทศกรีซ เอเธนส์กรีซ
    ฤดูหนาวครั้งที่ 1 พ.ศ. 2467
    ฝรั่งเศส ชาโมนิกซ์, ฝรั่งเศส
    พาราลิมปิก: ฤดูร้อนครั้งที่ 1
    พ.ศ. 2503 อิตาลี กรุงโรมอิตาลี
    ฤดูหนาวครั้งที่ 1 พ.ศ. 2519
    สวีเดน เอิร์นเชิลส์วีกสวีเดน
    จัดขึ้นทุก4 ปี
    ครั้งล่าสุดฤดูร้อน: โอลิมปิกครั้งที่ 31/
    พาราลิมปิกครั้งที่ 15 ที่รีโอเดจาเนโร
    บราซิล บราซิล
    ฤดูหนาว: โอลิมปิกครั้งที่ 22/
    พาราลิมปิกครั้งที่ 11 ที่โซชี
    รัสเซีย รัสเซีย
    เยาวชน: ฤดูร้อนครั้งที่ 2
    พ.ศ. 2557 ประเทศจีน หนานจิง จีน
    ฤดูหนาวครั้งที่ 2 พ.ศ. 2559
    นอร์เวย์ ลีลแฮมเมอร์ นอร์เวย์
    วัตถุประสงค์กีฬาสำหรับนานาชาติ
    สำนักงานใหญ่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล
    สวิตเซอร์แลนด์ โลซานสวิตเซอร์แลนด์
    ประธานเยอรมนี โธมัส บัคช์
    คณะกรรมการโอลิมปิกสากล
    หมายเหตุแบ่งเป็นโอลิมปิกฤดูร้อน โอลิมปิกฤดูหนาวพาราลิมปิกเกมส์ และโอลิมปิกเยาวชน

    แผนที่เมืองเจ้าภาพในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน

    แผนที่เมืองเจ้าภาพในกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว
    ในด้านการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ผ่านมา จะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้ประเทศสมาชิกต่างๆ ในแต่ละทวีปเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน และหากได้พิจารณาข้อมูลย้อนหลังนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1964 เป็นต้นมา ได้มีการพิจารณาตามเกณฑ์การกระจายแบบ Geographic Distribution
    ปี
    (ค.ศ.)
    กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวกีฬาโอลิมปิกเยาวชนฤดูร้อนกีฬาโอลิมปิกเยาวชนฤดูหนาว
    ครั้งที่เมืองเจ้าภาพประเทศเจ้าภาพครั้งที่เมืองเจ้าภาพประเทศเจ้าภาพครั้งที่เมืองเจ้าภาพประเทศเจ้าภาพครั้งที่เมืองเจ้าภาพประเทศเจ้าภาพ
    18961เอเธนส์ กรีซ
    19002ปารีส ฝรั่งเศส
    19043เซ็นต์หลุยส์ สหรัฐ
    1906จัดพิเศษเอเธนส์ กรีซ
    19084ลอนดอน สหราชอาณาจักร
    19125สตอกโฮล์ม สวีเดน
    19166เบอร์ลิน
    ยกเลิกเนื่องจาก WW1
     จักรวรรดิเยอรมัน
    19207แอนต์เวิร์ป เบลเยียม
    19248ปารีส ฝรั่งเศส1ชามอนี ฝรั่งเศส
    19289อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์2ซังคท์โมริทซ์ สวิตเซอร์แลนด์
    193210ลอสแอนเจลิส สหรัฐ3เลคพลาซิด สหรัฐ
    193611เบอร์ลิน เยอรมนี4การ์มิช-พาร์เทนเคียร์เชิน เยอรมนี
    194012โตเกียวเฮลซิงกิ
    ยกเลิกเนื่องจาก WW2
     ญี่ปุ่น →
     ฟินแลนด์
    5ซัปโปะโระ
    ซังคท์โมริทซ์
    การ์มิช-พาร์เทนเคียร์เชิน
    ยกเลิกเนื่องจาก WW2
     ญี่ปุ่น →
     สวิตเซอร์แลนด์
     เยอรมนี
    194413ลอนดอน
    ยกเลิกเนื่องจาก WW2
     สหราชอาณาจักร6กอร์ตีนาดัมเปซโซ
    ยกเลิกเนื่องจาก WW2
     อิตาลี
    194814ลอนดอน สหราชอาณาจักร7ซังคท์โมริทซ์ สวิตเซอร์แลนด์
    195215เฮลซิงกิ ฟินแลนด์8ออสโล นอร์เวย์
    195616เมลเบิร์น ออสเตรเลีย9กอร์ตีนาดัมเปซโซ อิตาลี
    196017โรม อิตาลี10สควอว์วัลเลย์ สหรัฐ
    196418โตเกียว ญี่ปุ่น11อินส์บรุค ออสเตรีย
    196819เม็กซิโกซิตี เม็กซิโก12เกรอนอบล์ ฝรั่งเศส
    197220มิวนิก เยอรมนีตะวันตก13ซัปโปะโระ ญี่ปุ่น
    197621มอนทรีออล แคนาดา14อินส์บรุค ออสเตรีย
    198022มอสโก สหภาพโซเวียต15เลคพลาซิด สหรัฐ
    198423ลอสแอนเจลิส สหรัฐ16ซาราเยโว ยูโกสลาเวีย
    198824โซล เกาหลีใต้17แคลกะรี แคนาดา
    199225บาร์เซโลนา สเปน18อัลแบร์วิลฝรั่งเศส ฝรั่งเศส
    199419ลิลเลฮัมเมร์ นอร์เวย์
    199626แอตแลนตา สหรัฐ
    199820นะงะโนะ ญี่ปุ่น
    200027ซิดนีย์ ออสเตรเลีย
    200221ซอลต์เลกซิตี สหรัฐ
    200428เอเธนส์ กรีซ
    200622ตูริน อิตาลี
    200829ปักกิ่ง จีน
    201023แวนคูเวอร์ แคนาดา1สิงคโปร์ สิงคโปร์
    201230ลอนดอน สหราชอาณาจักร1อินส์บรุค ออสเตรีย
    201424โซชิ รัสเซีย2หนานจิง จีน
    201631รีโอเดจาเนโร บราซิล2ลิลเลฮัมเมร์ นอร์เวย์
    201825พย็องชัง เกาหลีใต้3บัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา
    202032โตเกียว ญี่ปุ่น3โลซาน สวิตเซอร์แลนด์
    202226ปักกิ่ง จีน
    202433ปารีส ฝรั่งเศส
    202627
    202834ลอสแอนเจลิส สหรัฐ

      No comments:

      Post a Comment